สวัสดีค่ะทุกๆ คน^^ ส้มและพี่นัทจาก Waralee’s Day นะคะ ขอมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การไปร่วมงาน Taiwan Pinkoi Market 23-24 Apr 2017 & Pinkoi Party 🎉
ขอเล่าเรื่องตั้งแต่วันที่ไปถึงไต้หวันกันเลยนะคะ เพราะเรามีความประทับใจในน้ำใจของผู้คนชาวเมืองไทเปเป็นอย่างมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เราสองคนไปไต้หวันและเราก็ได้จองที่พักไว้ใกล้กับ Taipei Main Station ศูนย์กลางการสัญจรไปมาของผู้คนมากมาย แน่นอนว่าการหาทางออกจากสถานีรถไฟอันยิ่งใหญ่นั้น มันสนุกตื่นเต้นอย่างกับเราได้เล่นเกมส์หาทางออกเลยค่ะ พวกเรายืนดูป้ายแผนที่ที่ติดอยู่ข้างกำแผงนานมากเพราะเราหาวิธีไปที่ประตูทางออกของเราไม่เจอ เพิ่งมารู้ตอนหลังว่าต้องมุดลงดินไปอีกที ในตอนที่เราอยู่ใต้ดินอยู่แล้ว แล้วค่อยขึ้นจากใต้ดิน สักพักนึงมีหนุ่มไต้หวันเข้ามาพูดภาษาจีนด้วยแต่เราฟังไม่ออก แต่พอจะเดาจากท่าทางได้ว่าเค้ากำลังจะมาช่วยหาทางออกให้เรา เค้าคงไม่สันทัดภาษาอังกฤษจึงได้ขอตัวจากไป เราเลยงมทางกันต่อ สักพักมีคุณลุงท่านหนึ่งเข้ามาพูดเป็นภาษาจีน และคุณลุงช่วยหาประตูทางออกและพยายามอธิบายเป็นภาษาอังกฤษพร้อมกับเดินนำพาเราสองคนไปดูทางที่เราจะต้องเดินต่อไป เราสองคนซึ้งใจกับน้ำใจของคุณลุงและหนุ่มคนนั้นมากจริงๆ
ตัดมาที่วันศุกร์วันนี้เรามีนัดปาร์ตี้กันตอนเย็น
ในวันนั้นเรามีเวลาไม่มากนักเลยตัดสินใจเดินทางมาดูสถานที่จัดงานล่วงหน้าเพราะดูจากเว็บไซต์ที่นี่เป็นแหล่งรวมงานดีไซน์และถือโอกาสสำรวจเส้นทางไปในตัว ด้านหลังสถานที่จัดงานเป็นห้างใหญ่ ที่ชอบมากๆ คือชั้น 2 จะมีโซนให้ทำ workshop เช่น ปั้นดิน, เป่าแก้ว และมีงานดีไซน์น่ารักๆ มากมาย ส่วนที่ชั้น 3 มีร้านหนังสือพร้อมให้นั่งจิบชาบรรยากาศดีมากๆ
จากนั้นช่วงเย็นเราไปปาร์ตี้เพื่อทำความรู้จักกับดีไซน์เนอร์ชาติต่างๆ ที่มาร่วมงานกันค่ะ ไล่เรียงกันตั้งแต่ ญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง จีน และที่สำคัญคือ 4 แบรนด์ไทยแลนด์ ปู๊น ปู๊น @Tan Studio @Posieflower @Katji งานนี้ช่วยให้พวกเราทุกคนที่เข้าร่วมปาร์ตี้ได้รู้จักกันได้มิตรภาพใหม่ๆ ได้ร่วมเล่นเกมส์กัน ได้หัวเราะและได้สนุกไปด้วยกัน
ในงานนี้พวกเราได้ชมออฟฟิสน่ารักๆ ของ Pinkoi ด้วยกัน นำทีมโดย Raffi ผู้มีพลังเต็มเปี่ยมในการเอนเตอร์เทรน พาทัวร์ และดำเนินงานได้อย่างสนุกสนาน ออฟฟิศ Pinkoi แฝงไปด้วยความอบอุ่น ขี้เล่นเป็นกันเอง ที่นี่มีสัตว์เลี้ยงเป็น “ยีราฟ” ได้ยินถูกแล้วค่ะ^^ ตุ๊กตาตัวโต๊โตกลางออฟฟิส มีห้องครัวที่เต็มไปด้วยขนมและของขบเคี้ยว มีโปสเตอร์หนุ่มหล่อเหนือเครื่องชงกาแฟ เพื่อเติมพลังให้แก่สาวๆ เวลาเหนื่อยอ่อนจากงาน ไอเดียเจ๋งไปเลยจ้า อีกอย่างวันนั้นมีกิจกรรมของชมรมเบียร์พอดี สมาชิกในชมรมจะนำเบียร์ที่ตัวเองชื่นชอบมาแชร์กับเพื่อนๆ ในชมรมค่ะ ที่ Pinkoi มีชมรมมากมาย เช่น เล่นเกมส์ เบียร์ เพื่อให้พนักงานได้ผ่อนคลายหลังเลิกงาน ดีจัง
สำหรับงานนี้สิ่งสำคัญนอกจากสินค้าแล้วก็คือนามบัตร ซึ่งสำคัญมากๆ เราจะได้ยินกันอยู่เสมอๆ ว่าให้เตรียมนามบัตรไปเยอะๆ เราก็เตรียมไปเท่าที่เราคิดว่าเยอะสำหรับเราแต่มันก็ยังไม่พอเพราะวันแรกก็แจกไปเกือบหมดแล้ว คนเดินงานเยอะมากจริงๆ ทาง Pinkoi ได้เตรียมที่วางนามบัตรไว้ให้ ตรงนี้ดีมากๆ ค่ะ เพราะที่วางนามบัตรจะมีข้อความโปรโมชั่นแจ้งรายละเอียดให้ลูกค้า และ QR code ลูกค้าสามารถสแกนคิวอาร์โค้ดเข้าร้านเราได้เลย สำหรับเราแล้วได้เตรียมนามบัตรส่วนหนึ่งวางไว้ตรงที่วาง อีกส่วนหนึ่งเราแจกให้กับลูกค้าที่เข้ามาดูสินค้าเกือบทุกคนเท่าที่เราจะมีโอกาสให้ได้ ตรงนี้จะช่วยให้ลูกค้าได้เข้ามาชมสตูดิโอของเราในภายหลังได้และช่วยเพิ่มยอดขายสินค้าได้ ในนามบัตรเราได้ใส่ QR code สตูดิโอบน Pinkoi ไว้ด้วยเช่นกันค่ะ เราอาจจะเตรียมนามบัตรไปสักประมาณ 3-500ใบ (จำนวนอาจปรับเปลี่ยนไปตามวิธีการแจกนามบัตรของแต่ละท่านนะคะ) เตรียมมากไว้ก่อนดีกว่าค่ะ 🙂
แล้ววันงานก็มาถึง เช้านี้ฝนตกพร่ำๆ เป็นละอองน้ำเบาๆ ทั้งวันจนดึกดื่นก็ยังคงตกอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่สำหรับชาวไต้หวันแล้วถือเป็นเรื่องปกติและช้อปปิ้งด้วยความสนุกสนานเห็นแบบนี้แล้วรู้สึกว้าวววววว ขึ้นมาเลยทีเดียว สิ่งสำคัญที่จำปาบอกเสมอและมีอยู่ในสไลด์เตรียมตัวก็คือผ้าคลุมกันฝน พอดีว่าด้านหน้าบูธของที่ร้านเป็นทางรับลมพอดี ลมพัดพาฝนเข้าหน้าร้าน เราได้ผ้าม่านกันห้องน้ำที่ซื้อจากร้านไดโซะมาปิดหน้าร้าน ที่ซื้อที่นี่เพราะน้ำหนักเบา มีห่วงขึงเชือกรูดปิดเปิดได้เลย ตอนจัดบูธก็รูดปิดหน้าร้าน พอจัดเสร็จก็รูดเปิดขายของได้สบายๆ สิ่งสำคัญที่สองคือ เชือก เป็นอีกทางเลือกนะคะที่น้ำหนักไม่มากที่ใช้ขึงแขวนโชว์สินค้าได้ด้วย
พอเที่ยงเราก็ไปลงทะเบียนกันค่ะ แล้วก็มาจัดบูธ สถานที่จัดงานเป็นสถานที่เปิด คือ ผู้คนสามารถเดินผ่านไปมาได้ เป็นลานกว้างๆ กว้างมากๆ หน้าห้างที่เล่าไปด้านบน สถานที่นี้ตั้งอยู่ในสถานที่จัดงานนิทรรศการต่างๆ ซึ่งแบ่งออกเป็นส่วนๆ ช่วงวันงานได้มีงานแสดงสินค้าหลายงาน มีผู้คนเข้าชมงานมากมาย พวกเค้าเหล่านั้นสามารถเดินผ่านตรงลานที่จัด Pinkoi market ได้ด้วย เพราะฉะนั้นแล้วนอกจากลูกค้าใน Pinkoi แล้ว ยังมีลูกค้าใหม่ๆ อีกด้วย
ช่วงเวลาแห่งการช้อปปิ้งได้เริ่มขึ้นแล้ว ลูกค้าได้เดินเข้ามาชมสินค้าพร้อมกับหยิบนามบัตรและซื้อสินค้า ในช่วงเริ่มต้นของงานโชคดีมากที่จำปาอยู่ที่บูธพอดีจึงช่วยพูดคุยกับลูกค้าให้เป็นภาษาจีน ถ้าใครพูดจีนได้จะดีมากๆ เลยค่ะ หรือเตรียมข้อความต่างๆ ที่ต้องการจะสื่อสารเป็นภาษาจีนไปค่ะ แต่ถ้าไม่สันทัดก็ภาษาอังกฤษได้ค่ะ ชาวไต้หวันสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ค่ะ ลูกค้าน่ารักมากๆ แม้ว่าคนจะเยอะ แต่พวกเค้ามีระเบียบสุดๆ เวลาที่มีลูกค้าคนนึงคุยกับเราอยู่ อีกคนนึงที่ต้องการจะคุยกับเรา เค้าจะรอให้คนแรกคุยเสร็จก่อนแล้วเค้าค่อยคุยกับเราต่อ เวลาซื้อของก็เหมือนกันค่ะ จะไม่แย่งกันถาม ไม่แย่งกันซื้อ ไม่แย่งกันจ่ายตังค์ ตรงนี้ประทับใจมากๆ ค่ะ.
เรื่องสำคัญสุดๆ สำหรับการขายคงไม่พ้นเรื่อง “เงินทอน” เราได้เตรียมไว้มากมาย แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นได้เสมอ เมื่อเหรียญหมด พอดีใช้เหรียญทอนเป็นส่วนใหญ่ ในเวลานั้นลูกค้าเยอะมากจริงๆ ไม่สามารถเดินไปแลกเงินได้ ครั้นจะไหว้วานจำปาก็รู้สึกเกรงใจเป็นอย่างมาก เพราะว่าถ้าต้องออกไปแลกเหรียญจริงๆ มันไกลมาก ครั้นจะไปแลกกับเพื่อนๆ พี่ๆ ดีไซน์เนอร์ ทุกท่านก็กำลังวุ่นอยู่กับลูกค้าเหมือนกัน และแล้วนางฟ้าก็มาโปรด เมื่อจำปามาที่บูธ จำปาได้ช่วยเขียนข้อความขอเหรียญเป็นภาษาจีนจากลูกค้าให้ตามคำร้องขอของเรา เย้ๆ เรารอดแล้ว ป้ายนี้ใช้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปเป็นช่วงๆ สร้างความอลเวงอลหม่านให้กับลูกค้าเป็นช่วงๆ ไปค่ะ แฮ่
สิ่งที่อยากให้เกิด แต่บางทีก็เกิดขึ้นเร็วไปจนไม่ทันตั้งตัว นั่นก็คือ “สินค้าหมด” “ขอซื้อตัวโชว์” ไม่ใช่ขายดี แต่เอาไปน้อยนั่นเอง ฮาาาาาา ต้องบอกว่ามันช่างยากเหลือเกินกับการจัดเตรียมสต๊อกสินค้าไปให้เพียงพอต่อการขาย >< แม้ว่าเราจะศึกษาข้อมูลมาแล้วก็ตาม ด้วยตัวแปรมีหลายตัวมาก และข้อจำกัดต่างๆ มากมาย ทำให้เราต้องอาศัยวิชาเกร็ง แนวๆ เกร็งหวยกันไปเลย ต้องบอกว่าสินค้าที่ร้านเป็นกระเป๋าผ้า ตัวแปรสำคัญเลยคือเรื่องปริมาตรกับน้ำหนักสินค้า กระเป๋าพับแบนๆ ได้ เรื่องปริมาตรผ่านฉลุย แต่เรื่องน้ำหนักนี่สวนทางกับปริมาตรเลย คือ น้ำหนักรวมแล้วไม่เบาเลยค่ะ เหมือนจะขนไปได้เยอะ แต่ก็ไม่ได้เยอะเท่าที่ควรเพราะติดเรื่องน้ำหนักเกิน เราไป 2 คน ได้น้ำหนักรวม 60 โล
ถัดไปก็มีตัวแปรเรื่องแบบและสี เราไม่สามารถขนไปได้หมดทุกแบบที่เรามี เราต้องตัดออก เราเลือกตัดออกโดยใช้เกณฑ์ตามยอดขายสินค้าบน Pinkoi ตัวไหนคุณสมบัติไม่ผ่าน คุณไม่ได้ไปต่อค่ะ ในบางครั้งข้อมูลยอดขายนั้นก็เป็นแนวทางส่วนหนึ่งค่ะ เพราะเราได้พิสูจน์แล้วว่าตัวที่ขายไม่ได้บนออนไลน์ แต่พอลูกค้าได้เห็นของจริงกลับกลายเป็นตัวที่ขายดีในอันดับต้นๆ ตอนนี้ยังเสียดายว่าเราน่าจะติดตัวที่ถูกตัดออกไปไปโชว์สีและใบก็ยังดี T.T สำหรับตัวที่หมดไปแล้วเราจะเก็บตัวโชว์ไว้ไม่ได้ขายไป แม้ว่าจะมีคนขอซื้อก็ตาม เรายังคงต้องการโชว์สินค้านั้นต่อไปและแนะนำให้ลูกค้าสั่งซื้อผ่านแอพ Pinkoi เพราะในช่วงวันงานทางถ้าสั่งผ่าน app ลูกค้าจะได้รับโปรโมชั่นส่วนลด 5% และส่งฟรีค่ะ การสั่งผ่านแอพจะได้ผลดีกับกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น ถ้าเป็นวัยผู้ใหญ่ช่วง 40+ พวกเค้าจะไม่สะวกสั่งออนไลน์กันค่ะ
ในวันแรกคนเดินงานจะเยอะเป็นพิเศษ พวกเราเหล่าดีไซน์ไทยทั้ง 4 แบรนด์ได้มีนัดกินอาหารค่ำกับจำปากันค่ะ ในวันนี้แต่ละคนได้กินอาหารที่เตรียมมาสำหรับมื้อกลางวันและมื้อเย็นรองท้องกันคนละนิดคนละหน่อย ทุกๆ คนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ายุ่งมาก วุ่นมาก และตอนนี้ (หลังปิดบูธแล้วประมาณสามทุ่ม) หิวมากกกกกกก พร้อมจะกินได้ทุกอย่าง รู้สึกได้ว่าพลังหมดราวกับพาวเวอร์แบงค์เสื่อม ตราบใดที่มีลูกค้าอยู่หน้าบูธหรือว่าเดินอยู่ในงานเราจะมีพลังงานเหลือเฟือเสมอ พอปิดบูธเท่านั้นแหล่ะ 5555 พลังหมดเลยค่ะ ขำหนักมากจริงๆ ค่ะ เวลาที่รอคอยมาแล้วค่ะ เป็นเวลาที่ทุกคนเอากระเป๋าสัมภาระไปฝากเสร็จแล้วเรียบร้อย พร้อมไปกินอาหารค่ะ จำปากได้พาพวกเราไปยังร้านชาบูยอดนิยมของที่นี่ค่ะ หมอใหญ่มาก ที่สำคัญมีเต้าหู้กับเลือดเสิร์ฟไม่อั้นสิจ๊ะ ดีจัง อาหารมือนี้ทำให้พวกเราได้รู้จักกันมากขึ้นได้พูดคุยแลกเปลี่ยนนู่นนี่นั่นมากมากเป็นช่วงเวลาแห่งมิตรภาพที่ดีงานมากๆ ปล.ถ้าใครพอมีเวลาแนะนำให้เดินดูงานทั้งสองวันเลยนะคะ ไม่ได้เดินงานวันแรกเลยค่ะ เสียดายมากๆ ได้เดินแค่วันที่สองวันเดียวเอง งานดีไซน์ที่นี่น่ารักมากๆ ค่ะ ชอบๆ
ทางจำปาจะคอยดูแลและให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดีตั้งแต่ช่วงก่อนถึงวันงาน วันปาร์ตี้ วันงานทั้งสองวัน ทางจำปาจะสอบถามว่าต้องการใช้ราวแขวนเสื้อหรือเปล่า ถ้าใช้ทางจำปาจะช่วยจัดเตรียมให้ค่ะ ส่วนไม้แขวนเสื้อทางเราจะต้องจัดเตรียมไปเองค่ะ ตรงนี้เป็นส่ิงที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ร้านได้ดีมากๆ เลยค่ะ ตลอดเวลาในงานจำปาจะคอยเดินดูแลแต่ละบูธอยู่เป็นระยะๆ ช่วยเหลือทุกอย่างที่จำปาช่วยได้อย่างเต็มใจพร้อมรอยยิ้ม ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ นอกจากนี้ทีมงานของ Pinkoi ทุกคนก็คอยให้ความช่วยเหลืออย่างดีเช่นกันค่ะ ทุกคนน่ารักมากๆ ค่ะ ประทับใจมากค่ะ
การไปงานครั้งนี้ทำให้เราได้รู้จักและเข้าใจในคนไต้หวันมากขึ้น ได้เห็นวิถีชีวิตคนที่นี่ การกิน การอยู่ การเดินทาง ลักษณะนิสัย ท่วงทำนองการพูดคุน เราได้รู้ว่าคนที่นี่ใช้โทนสีอย่างไร ชอบของแบบไหน ต้องการอะไร จากเดิมที่ทราบข้อมูลจากจำปาอยู่แล้วจากสไลด์ของมิตติ้งที่ผ่านมา พอมาสัมผัสด้วยตัวเองทำให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น แม้ว่าจะจบงานไปแล้วแต่ว่าออเดอร์ที่ตามมานั้นยังหลั่งไหลอย่างไม่ขาดสาย ดีใจมากๆ ค่ะ พวกเราไม่ได้คาดหวังกับรายได้ เรามีความสุขที่ได้ทำ และมีความสุขมากกว่าเมื่อได้ยินคำว่า “เค่ออ้าย” ที่มาพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้ม ดวงตาแวววาเป็นประกาย ส้มเชื่อว่าทุกๆ แบรนด์ก็ชอบคำนี้เหมือนกันใช่ไหมคะ ^^
❤️สิ่งสำคัญที่สุดมากกว่าสิ่งอื่นใดนั้นคือ “โอกาส” ที่ทาง Pinkoi มอบให้แบรนด์เล็กๆ ที่ดูธรรมดาๆ ได้เปิดโลกใบใหม่ ได้พบเห็นสิ่งใหม่ๆ ส้มและพี่นัทขอบคุณมากๆ ค่ะ ที่ให้โอกาสพวกเราได้เข้ามายืนนะจุดนี้ รู้สึกอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูก เรารอคอยและเตรียมตัวเพื่อมางานนี้มาปีกว่า มันคุ้มค่ามากๆ ค่ะ พวกเรารู้แต่เพียงว่าเราจะปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเราต่อไปค่ะ ❤️
ฝากติดตามสตูดิโอของเราใน Pinkoi ด้วยนะคะ…
http://pinkoi.com/store/waraleesday